ในอนาคตอันใกล้นี้ พลังงานหมุนเวียนจะมีบทบาทมากขึ้น และเมื่อเทคโนโลยี AI, Cloud, Big Data หรือ 5G พัฒนาแบบก้าวกระโดด อุตสาหกรรมเกือบทุกวงการก็ได้รับอานิสงค์ไปด้วย โดยเฉพาะโซลาร์เซลล์ที่มีการพัฒนาขึ้น จนทำให้โรงไฟฟ้าในอนาคตก็มีแนวโน้มที่จะใช้ AI ในการบริหารจัดการมากขึ้นเช่นกัน
• การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และยกระดับด้วย AI
คาดว่าในปี 2568 โรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์กว่า 90% ทั่วโลกจะพัฒนาสู่ระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ซึ่งจะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว หรือพูดง่ายๆ ว่า ฉลาดขึ้น นั้นเอง
• โรงไฟฟ้าเซลล์แสงอาทิตย์ไร้มนุษย์
AI จะถูกนำมาใช้แทนผู้เชี่ยวชาญด้านการปฏิบัติงานและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance : O&M) เช่น การวิเคราะห์และการตัดสินใจในการดำเนินการแก้ไขอุปกรณ์ใดๆ ส่วนโดรนสำรวจและหุ่นยนต์ O&M ก็จะมารับหน้าที่ดูแลงานที่อันตรายหรือต้องทำซ้ำๆ ซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้ความแม่นยำสูงเพื่อยกระดับผลิตภาพและความปลอดภัยในโรงไฟฟ้า
• ระบบกักเก็บพลังงานจะพัฒนามากขึ้น
ระบบกักเก็บพลังงานจะกลายเป็นส่วนประกอบสำคัญกับระบบโซลาร์เซลล์ เพราะการเข้าถึงแหล่งพลังงานใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น แต่ระบบส่งผ่าน (Grid) ในอดีตยังมีข้อจำกัด การพัฒนาระบบกักเก็บจึงได้รับความสนใจและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
• โรงไฟฟ้าเสมือนกำลังจะมา
ใน 5 ปีข้างหน้า จะมีการใช้ 5G บล็อกเชน และบริการคลาวด์อย่างกว้างขวางในโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ ทำให้ต้องมีการสร้างโรงไฟฟ้าเสมือน (Virtual Power Plant : VPP) ขึ้นมา เพื่อดูแลบริหารจัดการร่วมกัน และช่วยกำหนดเรื่องเวลา การทำธุรกรรม และบริการเสริมสำหรับระบบพลังงาน รวมทั้งยังดึงผู้เล่นรายใหม่เข้าสู่ตลาดผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์มากขึ้น
• ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ
โรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์จะต้องมีความปลอดภัย มีพร้อมในทุกด้าน มีความยืดหยุ่น และมีระบบรักษาความปลอดภัยด้าน IT มากขึ้นกว่าเดิม เพราะเมื่อมีโรงไฟฟ้ามากขึ้น มีประสิทธิภาพขึ้น มีความซับซ้อนของระบบเครือข่ายมากขึ้น ก็มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
ที่มา : คัดย่อจากเว็บไซต์มูลนิธิสถาบันพลังงานทางเลือกแห่งประเทศไทย
https://aeitfthai.org/article/11469.html