ถอดรหัสโรงไฟฟ้า Zabalgarbi สเปน มุมมองใหม่การจัดการขยะ
กระบวนการบริหารจัดการขยะ ของเมืองบิลเบา นั้น เริ่มต้นจากการออกกฎระเบียบ และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชนในการคัดแยกขยะ โดยรัฐ มีการจัดวางถังเก็บขยะ7ใบ7สีแยกตามประเภท เอาไว้ใกล้ๆกับชุมชน ขยะที่ถูกจัดแบ่งเป็น7ประเภท นั้น ประกอบด้วย 1.ขยะอินทรีย์ 2.ขยะพลาสติก 3.กระดาษ 4.แก้ว 5.เสื้อผ้า ขยะอิเล็กทรอนิกส์ 6.น้ำมันจากครัวเรือน และ 7 ขยะทั่วไป
ถังขยะ7สีสำหรับคัดแยกขยะ7ประเภท
ประชาชนที่ทิ้งขยะผิดประเภทลงถัง จะต้องจ่ายค่าปรับตั้งแต่ค่าปรับน้อยๆ ไม่กี่ยูโร ไปจนเสียค่าปรับสูงๆถึง1,000ยูโร
ขยะในถังที่ไม่สามารถนำไปรีไซเคิล หมุนเวียนไปใช้ประโยชน์ใหม่ได้ จะถูกนำมารวมกันและขนส่งมายังโรงไฟฟ้า Zabalgarbi Waste-to-Energy ที่รัฐถือหุ้นร้อยละ 35 และภาคเอกชนถือหุ้นอีกร้อยละ 65 ซึ่งมีพื้นที่รองกับปริมาณขยะที่ส่งเข้ามาต่อเนื่องได้นานถึง 15 วัน
Zabalgarbi Waste-to-Enegy เป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม ที่ใช้เชื้อเพลิงจากขยะ และก๊าซ ที่ส่งมาจากท่อส่งก๊าซ ของเมืองบิลเบา มีกำลังผลิต 99.5 เมกะวัตต์ (กังหันก๊าซ 43 เมกะวัตต์ และกังหันไอน้ำ 56.5 เมกะวัตต์) มีประสิทธิภาพโรงไฟฟ้า 42% สามารถกำจัดขยะได้ 30 ตันต่อชั่วโมง การเผาไหม้ขยะใช้อุณหภูมิ 850 องศาเซลเซียส
ในการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้า จะเน้นส่วนที่เป็นขยะทั้ง 100% โดยไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซ จะใช้เพื่อเติมกำลังผลิตให้เพียงพอกับความต้องการใช้ไฟฟ้าตามข้อตกลง เท่านั้น เนื่องจากทางโรงไฟฟ้ามีข้อผูกพันกับรัฐบาลในการลดขยะเป็นหลัก
หนึ่งในกระบวนการผลิต นำขยะป้อนเตาเผา
กระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโรงไฟฟ้าขยะแห่งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากรัฐประมาณ 13 ล้านยูโรต่อปี โดย ต้องแสดงให้รัฐเห็นว่าพลังงานที่นำมาใช้ผลิตไฟฟ้าเป็นพลังงานทดแทนจริง ซึ่งรัฐจะส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบการดำเนินงานทุกปี
ผลประกอบการใน ปี 2561 บริษัทมีผลกำไรก่อนหักภาษี 12 ล้านยูโร ซึ่งจะนำไปพัฒนาโครงการและเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดต่อไป
ขอบคุณเนื้อหาจาก energynewscenter