ใช้แอร์แบบไหนค่าไฟไม่พุ่ง

ใช้แอร์แบบไหนค่าไฟไม่พุ่ง

เห็นค่าไฟสูงขึ้นทีไร ใครๆ ก็โทษ “แอร์” ว่ากินไฟทุกที ขณะที่บางบ้านใช้แอร์เท่าเดิม แต่ทำไมค่าไฟถึงพุ่งเยอะขนาดนั้น… อย่าลืมว่าส่วนประกอบของแอร์นั้น ยังมีคอมเพรสเซอร์ที่ตั้งอยู่นอกบ้าน แม้เราจะมีพฤติกรรมการใช้ไฟในช่วงเวลาเดิมอยู่เป็นประจำ แต่ในช่วงที่อากาศข้างนอกร้อนมากขึ้น คอมเพรสเซอร์ก็ทำงานหนักมากขึ้น ส่งผลให้หน่วยการใช้ไฟมากขึ้นด้วยเช่นกัน จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมค่าไฟจึงเพิ่มขึ้นมากในช่วงฤดูร้อน

รู้หรือไม่ว่า เมื่อเปิดใช้แอร์ 1 ชั่วโมง เท่ากับใช้ไฟไปประมาณ 800 – 3,300 วัตต์ (ขึ้นอยู่กับขนาดของแอร์แต่ละบ้าน) เท่ากับต้องเสียค่าไฟฟ้าเฉลี่ยถึง 3-13 บาท/ชั่วโมง เลยทีเดียว

ยกตัวอย่างในการคำนวณหาค่าไฟ กับเครื่องปรับอากาศ 3 ขนาดที่แตกต่างกัน โดยเปิดแอร์แต่ละตัว วันละประมาณ 8 ชั่วโมง ในระยะเวลา 1 วัน จะเสียค่าไฟเท่าไร
แอร์ตัวแรก : ขนาด 1,200 วัตต์ ÷ 1,000 x 8 ชม. x 4 บาท = 38.40 บาท
แอร์ตัวที่สอง : ขนาด 1,800 วัตต์ ÷ 1,000 x 8 ชม. x 4 บาท = 57.60 บาท
แอร์ตัวที่สาม : ขนาด 2,400 วัตต์ ÷ 1,000 x 8 ชม. x 4 บาท = 76.80 บาท

การเลือกใช้แอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์5 และเลือกให้เหมาะกับขนาดห้อง ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมที่ 25 องศา แล้วก็ต้องปิดประตูหน้าต่างให้สนิทเพื่อไม่ให้ความร้อนจากภายนอกเข้ามา และไม่ให้ความเย็นรั่วไหลออกนอกห้อง หรือใช้ม่านกั้นประตู/หน้าต่าง เพื่อป้องกันความร้อนจากแสงแดดภายนอก เปิดพัดลมช่วย ร่วมกับการเปิดแอร์ และทำความสะอาดล้างแอร์อย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยทุก 6 เดือน เท่านี้ก็จะช่วยให้แอร์ในบ้านเรา ไม่ทำงานหนักมากขึ้นแถมช่วยประหยัดค่าไฟได้ด้วย

ที่มา กระทรวงพลังงาน

เรื่องที่น่าสนใจ

รู้ไว้ไม่เสียหาย เมื่อคุณเปลี่ยนมาใช้หลอด LED

รู้ไว้ไม่เสียหาย เมื่อคุณเปลี่ยนมาใช้หลอด LED

การลดการใช้พลังงาน ช่วยลดคาร์บอนได้อย่างไร

การลดการใช้พลังงาน ช่วยลดคาร์บอนได้อย่างไร

กิจกรรมลดคาร์บอน

กิจกรรมลดคาร์บอน

ใช้พัดลมอย่างไรให้ปลอดภัย และประหยัดพลังงาน

ใช้พัดลมอย่างไรให้ปลอดภัย และประหยัดพลังงาน

เรื่องล่าสุด

หมวดหมู่