‘กากกาแฟ’ พลังงานเชื้อเพลิงลดโลกร้อน
จากความนิยมบริโภคกาแฟในปัจจุบัน ทำให้เกิดขยะจากการบริโภคเป็นจำนวนมาก ทั้งจากบรรจุภัณฑ์ประเภทใช้แล้วทิ้ง ทำให้หลายร้านเปลี่ยนมาใช้แก้วที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล แต่นั่นยังไม่เพียงพอ ปัญหาขยะจากกากกาแฟที่ถูกจัดการด้วยวิธีฝังกลบ ส่งผลต่อภาวะโลกร้อน เพราะการย่อยสลายกากกาแฟจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซมีเทนออกมาสู่บรรยากาศ
Bio-Bean สตาร์ทอัพสัญชาติอังกฤษ ได้คิดค้นและพัฒนาการเปลี่ยนกากกาแฟให้กลายเป็นเชื้อเพลิงไบโอดีเซล ซึ่งใช้กากกาแฟในปริมาณ 7,000 ตันต่อปี สำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงในรถเมล์ที่ให้บริการในลอนดอน แต่ปัจจุบันยังไม่สามารถดำเนินการในเชิงพาณิชย์ได้ จากนั้น จึงหันมาผลิต Coffee Logs หรือ ถ่านจากกากกาแฟ โดยนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับหม้อต้มไอน้ำอุตสาหกรรม หรือการอบแห้งธัญพืช รวมถึงใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับให้ความร้อนในเตาเผาได้ด้วย ซึ่งถ่านชนิดนี้สามารถให้ความร้อนได้มากกว่าถ่านไม้ธรรมดาถึง 20% และเผาไหม้ได้นานกว่า 20%
แม้การใช้ถ่านจากกากกาแฟนี้ จะยังสร้างก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในขณะที่เผาอยู่ แต่เมื่อเทียบกับการกำจัดแบบเดิมแล้ว วิธีนี้สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศได้ถึง 80% โดยมีข้อแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานว่า ควรมีการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากกากกาแฟด้วย เช่น การใช้เทคโนโลยีเตาเผาที่ทันสมัย
นอกจากนั้น กากกาแฟยังมีปริมาณซัลเฟอร์และไนโตรเจนสูงกว่าไม้ทั่วไป ซึ่งเมื่อเผาไหม้อาจจะปล่อยก๊าซที่เป็นอันตรายเช่น ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และไนโตรเจนออกไซด์ออกมาได้ แต่ Bio-Bean ได้ชี้แจงว่า เชื้อเพลิงจากกากกาแฟได้รับการรับรองจากหน่วยงานด้านพลังงานเพื่อความยั่งยืนของสหราชอาณาจักร และยังปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าถ่านไม้ส่วนใหญ่ และที่ผ่านมา บริษัทได้ดำเนินการรีไซเคิลกากกาแฟรวมแล้วกว่า 20,000 ตัน
เพียงแค่หันมองรอบๆ ก็จะรู้ว่ายังมีสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวที่สามารถนำกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อีกครั้ง เพียงแค่เท่านี้ก็จะช่วยให้โลกเราน่าอยู่มากยิ่งขึ้น
ที่มา : สำนักข่าว CNN https://cnn.it/30wx096