![หญ้าเนเปียร์ วัตถุดิบสำหรับผลิตพลังงานทดแทน](https://erdi.cmu.ac.th/wp-content/uploads/2021/04/หญ้าเนเปียร์-พืชพลังงานสีเขียว-800x600.png)
หญ้าเนเปียร์ วัตถุดิบสำหรับผลิตพลังงานทดแทน
พลังงานชีวมวล ถือเป็นพลังงานแห่งอนาคตของประเทศ เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมโดยพื้นฐาน ดังนั้นวัตถุดิบด้านการเกษตรจึงมีอยู่มากมาย
หญ้าเนเปียร์เองก็จัดเป็นพืชพลังงานในกลุ่มเชื้อเพลิงชีวภาพมีโครงสร้างสารอาหารเหมาะต่อการเติบโตของจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดก๊าซ มีศักยภาพนำมาผลิตก๊าซชีวภาพสำหรับผลิตไฟฟ้า
![](https://erdi.cmu.ac.th/wp-content/uploads/2021/04/หญ้าเนเปียร์-พืชพลังงานสีเขียว-1024x858.png)
ย้อนไปในปี พ.ศ. 2556 ได้มีการผลักดัน หญ้าเนเปียร์ เพื่อเป็นวัตดุดิบสำหรับผลิตพลังงานทดแทนเทียบเท่าประมาณ 10,000 MW เนื่องจากคุณสมบัติเฉพาะตัวที่โดดเด่น เพราะสามารถปลูกและให้ผลผลิตได้ในพื้นที่แห้งแล้ง หรือในดินเลวที่ไม่สามารถปลูกพืชไร่เศรษฐกิจชนิดอื่นๆ ได้ดี อย่างไรก็ตามธรรมชาติของหญ้าชนิดนี้จะเจริญเติบโตได้ดีให้ได้ผลผลิตที่สูงเต็มศักยภาพในดินที่อุดมสมบูรณ์ และได้รับน้ำเพียงพอ
![](https://researchcafe.org/wp-content/uploads/2020/03/2-15.jpg)
คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ จึงได้ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำการโซนนิ่งเพื่อนำร่องการปลูกหญ้าเนเปียร์ไว้ใน 3 พื้นที่ทั่วประเทศ ได้แก่ พื้นที่แล้งน้ำ พื้นที่ชุ่มน้ำ และพื้นที่ปลูกข้าวได้ผลผลิตต่ำ เนื่องจากพื้นที่ดังมีลักษณะพื้นที่ค่อนข้างเสื่อมโทรมไม่เหมาะต่อการเพาะปลูกอาหารทั่วไป ซึ่งวิธีการปรับปรุงสภาพดินเหล่านี้ให้ดีขึ้นสามารถทำโดยการใช้ชุดเทคโนโลยีเพื่อจัดการเขตกรรม (Cultural practices) พื้นที่ทั้ง 3 แห่งอย่างเหมาะสม เนื่องจากวิธีการเขตกรรมเป็นวิธีที่เหมาะสมกับพืชในเขตร้อนที่ใช้เพิ่มผลผลิตและคุณภาพ ที่ เหมาะสมกับพันธุกรรมพืช สภาพแวดล้อม และเงื่อนไขของเกษตรกร ร่วมกับการจัดการน้ำ และวิธีการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมกับพันธุกรรมของพืช
![](https://researchcafe.org/wp-content/uploads/2020/03/%E0%B8%9C%E0%B8%A8.%E0%B8%94%E0%B8%A3.%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%93-%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A3.jpg)
ซึ่งจากการศึกษาในโครงการวิจัย “การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพชีวมวลของหญ้าเนเปียร์เชิงพื้นที่เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า” ซึ่งมี ผศ.ดร.นรุณ วรามิตร เป็นหัวหน้าโครงการวิจัย พบว่า ผลการผลิตและการเจริญเติบโตของหญ้าเนเปียร์ในแต่ละพันธุ์จะตอบสนองต่อสภาพอากาศและดินที่ต่างกัน โดยมีปัจจัยหลักมาจากปริมาณของน้ำต่อปีที่เป็นน้ำฝนที่ถือเป็นปัจจัยหลักต่อผลผลิตของหญ้าเนเปียร์ทุกพันธุ์ ซึ่งจากผลวิจัยหญ้า 9 ชนิด นั่นคือ เกษตรศาสตร์ สุราษฎ์ มวกเหล็ก ยักษ์ ธรรมดา บาน่า ทิฟตัน ปากช่อง 11 และจักรพรรดิ ในพื้นที่นำร่อง 3 แห่ง พบว่า พันธุ์ธรรมดาและพันธุ์เกษตรศาสตร์ทนสภาพแห้งจัดได้ดีที่สุด ส่วนพันธุ์ปากช่อง 11 ทนสภาพดินน้ำขังได้ดีที่สุด โดยหญ้าที่ปลูกในพื้นที่เสื่อมโทรมนั้นควรเก็บเกี่ยวไม่เกิน 3 ครั้งต่อปี
หากพิจารณาจากพื้นที่หารปลูกที่ทำการศึกษา พบว่า ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม พันธุ์จักพรรดิ พันธุ์บาน่า และพันธุ์ยักษ์ ให้ผลผลิตสูงสุด 16.279 กิโลกรัมน้ำหนักแห่ง/ไร่ ขณะที่พื้นที่ จังหวัดนครราชสีมา และ จังหวัดกาญจนบุรี พันธุ์บาน่าให้ผลผลิตสูงสุด 11.099 และ 10.831 กิโลกรัมน้ำหนนักแห้ง/ไร่ ตามลำดับ
![](https://researchcafe.org/wp-content/uploads/2020/03/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2.jpg)
โดยแนวทางในการผลิตหญ้าเนเปียร์เพื่อผลิตพลังงานทดแทนทั้งในระดับชุมชนและอุตสาหกรรมให้ได้ผลผลิตตลอดปีในสภาพดินเสื่อมโทรม ควรมีการศึกษาการจัดการชลประทานและจัดการดินอย่างแม่นยำเหมาะสมต่อไป เพื่อใช้หญ้าเนเปียร์สำหรับการผลิตพลังงานไฟฟ้าและพลังงานทดแทนของประเทศต่อไป
ปัจจุบัน กระทรวงพลังงาน ได้บรรจุโครงการผลิตไฟฟ้าจากหญ้าเนเปียร์ เอาไว้ในส่วนของไฟฟ้าที่มาจากก๊าซชีวภาพ (พืชพลังงาน) ลงในแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก หรือแผน AEDP2018 ที่มีการปรับปรุงใหม่ มีเป้าหมายให้โรงไฟฟ้าชุมชนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน
ที่มา https://researchcafe.org/napier-grass-biogas-power/